ดาบไทย
ประวัติกีฬาดาบไทย
กีฬาดาบไทย หรือ ฟันดาบไทย เป็นกีฬาไทยที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทย โดยสืบเนื่องมาจากการเล่นกีฬากระบี่ – กระบอง อันเป็นมรดก เอกลักษณ์ ประจำชาติไทย มาแต่บรรพบุรุษ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผืนแผ่นดินไทยได้คงความเป็นเอกราชมาแต่อดีต จากการสู้รบด้วยอาวุธ ต่าง ๆ อาทิเช่น มีด ดาบ ง้าว หอก โล่ ฯลฯ ของบรรพบุรุษในอดีต ในปัจจุบันได้ประยุกต์มาเป็นการแสดง หรือ ประกวด กีฬากระบี่ – กระบอง ให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้ได้เห็นจนถึงทุกวันนี้
กีฬาดาบไทย กำเนิดจาก สำนักดาบศรีไตรรัตน์ โดยการนำของนาวาตรีจรูญ ไตรรัตน์มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2478 ได้นำกีฬากระบี่ – กระบอง มาประยุกต์พัฒนาเป็นกีฬาดาบไทย ได้คิดค้นด้วยเหตุผลให้เป็นการต่อสู้ที่ใช้สถานการณ์จริง ไม่ใช่ การแสดงหรือประกวด และตั้ง กฎ กติกา การแข่งขันขึ้นมาเป็นกีฬาแข่งขันประเภทกีฬาอนุรักษ์
กีฬาดาบไทยได้เผยแพร่ โดยนาวาตรีจรูญ ไตรรัตน์ ที่โรงเรียนนายเรือเป็นแห่งแรกต่อมาในปีพุทธศักราช 2480โดย นายโสภณ อุตตโมบล ผู้ก่อตั้งชมรมกระบี่ -กระบองคนแรกของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เรียนเชิญนาวาตรีจรูญ ไตรรัตน์ ไปสอนกีฬาดาบไทย ให้นิสิต นักศึกษาเป็นครั้งแรก เนื่องจากเห็นว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญกีฬาด้านนี้
ต่อมาเริ่มมีการจัดการแข่งขันภายในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นแห่งแรก หลังจากจัดการแข่งขันได้รับความสนใจจากนิสิต นักศึกษามากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นกีฬาต่อสู้ เล่นได้ทั้งชายและหญิง ดังนั้นกีฬานี้ได้แพร่หลายไปตามคณะต่าง ๆ และในที่สุดชมรมต่อสู้ป้องกันตัวของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จึงจัดการแข่งขันติดต่อกันมาทุกปี โดยยกย่อง และชื่นชอบ ผู้ที่ชนะเลิศเป็น ตำแหน่ง “ขุนพลจุฬาฯ”มีอุดมคติว่า “ หยาดเหงื่อ หยดเลือด และรอยหวาย ”สุดท้ายของการจัดการแข่งขัน คือ “ ความรัก ความสามัคคีกลมเกลียวซึ่งกันและกันของนักกีฬา ”
ด้วยเหตุนี้ อีกหลายสถาบันการศึกษา ได้สนใจกีฬาชนิดนี้มากหลายแหล่ง อาทิเช่น มหาวิทยาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ ศิริราช ( มหาวิทยาลัยมหิดล ) เป็นต้น
ต่อมาได้มีท่านอาจารย์ทองหล่อ ไตรรัตน์ ของสำนักดาบศรีไตรรัตน์ และท่านอาจารย์นิพนธ์ ศรี-วิจิตร ผู้สร้างชมรมต่อสู้ป้องตัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และพัฒนาการแข่งขันกีฬาดาบไทยได้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีความเป็นสากลมากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในวงกว้าง
ในปัจจุบัน สมาคมกีฬาไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ผลักดัน พัฒนากีฬาดาบไทย ให้เป็นมาตรฐานสากล และสามารถจัดเป็นกีฬาอนุรักษ์ประจำชาติไทย เหมือนกับกีฬาทั่ว ๆ ไป โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ให้การช่วยเหลือ อาทิเช่น การกีฬาแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานครกรมพลศึกษาคณะกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ก.ก.ม.ท) สถาบันการศึกษาภาครัฐและเอกชน ฯลฯ
การเล่น
1.ประเภทกระบี่
2.ประเภทดาบสองมือ
กติกา
การเริ่มต้นการแข่งขัน ผู้แข่งขันทั้ง 2 ฝ่ายจะยืนหันข้างให้กับประธานการแข่งขัน โดยทั้งคู่จะยืนห่างจากเส้นแบ่งแดน 2 เมตรประธานกรรมการจะขานเตรียมพร้อม เมื่อผู้เข้าแข่งขันเตรียมพร้อมแล้วจะขานเริ่มแข่ง
ประธานการแข่งขันจะขานหยุด เพื่อหยุดชะงักการแข่งขัน เมื่อ
1. มีการใช้ท่าอันตราย
2. ผู้เข้าแข่งขันไม่มีเครื่องป้องกัน
3. ผู้เข้าแข่งขันออกนอกพื้นที่เข้าแข่งขัน
* ถ้าการแทงก่อนการหยุดชะงักเป็นการแทงที่ได้ผล ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ฝ่าย จะมายืนอยู่หลังเส้นป้องกัน แต่ถ้าเป็นการแทงที่ไม่ได้ผล จะเริ่มเล่นตรงจุดที่เกิดการชะงัก
* การฟันก่อนที่ประธานจะกล่าวขานว่าเริ่มเล่น หรือจากขานว่าหยุด จะถือเป็นโมฆะ
* ในการแข่งขันประเภทดาบฟอยล์และซาเบอร์โดยไม่ใช้อุปกรณ์แจ้งไฟฟ้า ผู้เข้าแข่งขันจะเปลี่ยนแดนกันเมื่อฝ่ายหนึ่งได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
1. มีการใช้ท่าอันตราย
2. ผู้เข้าแข่งขันไม่มีเครื่องป้องกัน
3. ผู้เข้าแข่งขันออกนอกพื้นที่เข้าแข่งขัน
* ถ้าการแทงก่อนการหยุดชะงักเป็นการแทงที่ได้ผล ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ฝ่าย จะมายืนอยู่หลังเส้นป้องกัน แต่ถ้าเป็นการแทงที่ไม่ได้ผล จะเริ่มเล่นตรงจุดที่เกิดการชะงัก
* การฟันก่อนที่ประธานจะกล่าวขานว่าเริ่มเล่น หรือจากขานว่าหยุด จะถือเป็นโมฆะ
* ในการแข่งขันประเภทดาบฟอยล์และซาเบอร์โดยไม่ใช้อุปกรณ์แจ้งไฟฟ้า ผู้เข้าแข่งขันจะเปลี่ยนแดนกันเมื่อฝ่ายหนึ่งได้คะแนนครึ่งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ประกอบด้วย 1. ประธานการแข่งขันทำหน้าที่ควบคุมการแข่งขัน
2. กรรมการให้คะแนน 4 คน ถ้าใช้อุปกรณ์แจ้งคะแนนไฟฟ้า จะใช้กรรมการให้คะแนน 2 คน
3. กรรมการบันทึกคะแนน
4. กรรมรักษาเวลา
2. กรรมการให้คะแนน 4 คน ถ้าใช้อุปกรณ์แจ้งคะแนนไฟฟ้า จะใช้กรรมการให้คะแนน 2 คน
3. กรรมการบันทึกคะแนน
4. กรรมรักษาเวลา
ระยะเวลาการแข่งขัน สำหรับประเภทชายใช้การแข่งขัน 6 นาที ผู้ชนะคือผู้ทำได้ 5 คะแนนก่อน ส่วนดาบฟอยล์หญิงใช้เวลาแข่งขัน 5 นาที ผู้ชนะคือผู้ที่ได้ 4 คะแนนก่อน ถ้าจบการแข่งขันแล้วได้คะแนนเท่ากัน ประเภทดาบฟอยล์และดาบซาเบอร์จะทำการแข่งขันกันต่ออีกหนึ่งรอบ ผู้ที่ได้คะแนนมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ส่วนประเภทเอเป้จะปรับแพ้ทั้งคู่
การให้คะแนน คะแนนที่ได้จากการฟัน ( Hit ) ผู้เข้าแข่งขันจะต้องฟันคู่ต่อสู้ตรงเป้าหมายด้วยปลายดาบ ในประเภทดาบซาเบอร์การฟันถูกริมหรือบนสามส่วนแรกของขอบหลังของเป้าก็ถือว่าได้คะแนน ในขณะที่ฟัน ผู้เข้าแข่งขันจะต้องอยู่ในพื้นที่เข้าแข่งขันเท่านั้นจึงจะได้คะแนน การแทงที่ออกนอกเป้าสำหรับดาบฟอยล์และดาบซาเบอร์จะนับว่าได้คะแนนถ้าผู้เข้าแข่งขันที่ถูกแทงเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อหลบหนีการถูกแทงตรงเป้าหมาย การแทงที่พลาดเป้าหมายจะทำให้จังหวะการแทงยุติลง
การฟันที่ได้คะแนน
ประธานกรรมการจะป็นผู้ตัดสินการได้คะแนนจากการฟัน หรือลงโทษเนื่องจากทำผิดกติกา โดยกรรมการให้คะแนนจะใช้การยกมือเป็นสัญญาณเพื่อแจ้งต่อประธานกรรมการเมื่อมีการฟันที่ได้คะแนน ซึ่งการฟันจะต้องมีความแม่นยำและจังหวะดีจึงจะได้คะแนน
ประธานกรรมการจะป็นผู้ตัดสินการได้คะแนนจากการฟัน หรือลงโทษเนื่องจากทำผิดกติกา โดยกรรมการให้คะแนนจะใช้การยกมือเป็นสัญญาณเพื่อแจ้งต่อประธานกรรมการเมื่อมีการฟันที่ได้คะแนน ซึ่งการฟันจะต้องมีความแม่นยำและจังหวะดีจึงจะได้คะแนน
การโจมตีและป้องกัน ในการแข่งขันประเภทดาบฟอยล์และซาเบอร์ การแทงที่จะได้คะแนนจะเกิดจากการเคลื่อนที่ที่ถูกต้อง และมีจังหวะที่ดีของผู้เข้าแข่งขัน โดยทั่วไปเมื่อถูกโจมตีฝ่ายรับจะต้องก้าวถอยหลังก่อนที่จะแทงตอบ ฝ่ายรุกคือผู้เข้าแข่งขันที่เหยียดแขนข้างที่ถือดาบฟันที่เป้าหมาย และยังเป็นฝ่ายรุกจนเมื่อฝ่ายรับถอยหลังตลอด ในกรณีของการโจมตีหลายจังหวะฝ่ายรับอาจจะฟันเพื่อให้ฝ่ายรุกหยุด โดยฟันตามจังหวะเมื่อถูกโจมตี คอยหันข้างย่อตัว ตั้งหลักก้าวรุก หรือใช้ทักษะผสมในการตอบโต้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วของการเคลื่อนที่ รวมทั้งจังหวะและความยากของการโจมตี ส่วนการแข่งขันประเภทดาบเอเป้ การฟันจะไม่มีจังหวะและไม่มีลำดับของการเคลื่อนที่นอกจากนี้ในการแข่งขันทุกประเภทอนุญาตให้เข้าโจมตีด้วยวิธีการก้าววิ่งได้
การทำผิดกติกาและการกำหนดคะแนนโทษ 1. การต่อสู้ประชิดตัวอนุญาตให้ทำได้ในกรณีที่ผู้เข้าแข่งขันถือและใช้อาวุธได้อย่างถูกต้อง
2. การปะทะตัวกันสำหรับการแข่งขันประเภทฟอยล์และซาเบอร์ จะใช้การเตือนเป็นการลงโทษครั้งแรก หลังจากนั้นถ้ากระทำผิดอีกจะถูกปรับเป็นถูกแทง 1 ครั้ง ส่วนประเภทดาบเอเป้ การปะทะตัวกระทำได้เมื่อไม่เจตนาและไม่รุนแรง
3. อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันก้มตัวต่ำและหมุนตัวได้
4. มือที่ไม่มีอาวุธอาจแตะถูกพื้นสนามได้ แต่ถ้าผู้เข้าแข่งขันแตะถูกตัวกัน ประธานกรรมการอาจสั่งหยุด และให้จัดตำแหน่งใหม่
5. การฟันในจังหวะที่สวนกันถือว่าไม่ผิดกติกา แต่ถ้าหลังจากการที่สวนผ่านไปแล้วจะไม่นับคะแนน
6. การข้ามเขตแดนทำได้โดยประเภทดาบฟอยล์ต้องไม่เกิน 1 เมตรและไม่เกิน 2 เมตร สำหรับประเภทดาบเอเป้และซาเบอร์
7. การฟันนอกพื้นที่แข่งขันไม่นับคะแนน
8. การข้ามเขตแดนด้านข้างเพื่อหลบการฟัน จะถูกลงโทษเป็นการถูกแทง 1 ครั้ง ถ้าถูกเตือนมาก่อนแล้ว รวมทั้งการข้ามเขต หลังด้วย
9. การถ่วงเวลาการแข่งขันจะถูกเตือนและปรับเป็นถูกฟัน 1 ครั้ง
10. การฟันที่ไม่ถูกต้อง รุนแรง และไม่เหมาะสมจะถูกลงโทษโดยการเตือน
11. การไม่เชื่อฟังกรรมการครั้งแรกจะถูกเตือน ครั้งที่สองจะถูกปรับเป็นถูกฟัน 1 ครั้ง และถูกไล่ออกจากการ แข่งขันสำหรับครั้งที่สาม
12. อาวุธต้องถือด้วยมือข้างใดข้างหนึ่ง การเปลี่ยนมือถืออาวุธจะต้องขออนุญาตจากกรรมการก่อน
13. ผู้เข้าแข่งขันจะขว้างอาวุธไม่ได้ และมือจะต้องจับด้ามดาบเสมอ
14. ห้ามไม่ให้ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือดาบ เพื่อเป็นการป้องกันหรือโจมตี
15. การฟันที่ไม่ใช้มือข้างที่ถืออาวุธถือเป็นโมฆะ
16. การจงใจหรือเจตนาทำผิดกติกาอาจถูกคะแนนได้
2. การปะทะตัวกันสำหรับการแข่งขันประเภทฟอยล์และซาเบอร์ จะใช้การเตือนเป็นการลงโทษครั้งแรก หลังจากนั้นถ้ากระทำผิดอีกจะถูกปรับเป็นถูกแทง 1 ครั้ง ส่วนประเภทดาบเอเป้ การปะทะตัวกระทำได้เมื่อไม่เจตนาและไม่รุนแรง
3. อนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันก้มตัวต่ำและหมุนตัวได้
4. มือที่ไม่มีอาวุธอาจแตะถูกพื้นสนามได้ แต่ถ้าผู้เข้าแข่งขันแตะถูกตัวกัน ประธานกรรมการอาจสั่งหยุด และให้จัดตำแหน่งใหม่
5. การฟันในจังหวะที่สวนกันถือว่าไม่ผิดกติกา แต่ถ้าหลังจากการที่สวนผ่านไปแล้วจะไม่นับคะแนน
6. การข้ามเขตแดนทำได้โดยประเภทดาบฟอยล์ต้องไม่เกิน 1 เมตรและไม่เกิน 2 เมตร สำหรับประเภทดาบเอเป้และซาเบอร์
7. การฟันนอกพื้นที่แข่งขันไม่นับคะแนน
8. การข้ามเขตแดนด้านข้างเพื่อหลบการฟัน จะถูกลงโทษเป็นการถูกแทง 1 ครั้ง ถ้าถูกเตือนมาก่อนแล้ว รวมทั้งการข้ามเขต หลังด้วย
9. การถ่วงเวลาการแข่งขันจะถูกเตือนและปรับเป็นถูกฟัน 1 ครั้ง
10. การฟันที่ไม่ถูกต้อง รุนแรง และไม่เหมาะสมจะถูกลงโทษโดยการเตือน
11. การไม่เชื่อฟังกรรมการครั้งแรกจะถูกเตือน ครั้งที่สองจะถูกปรับเป็นถูกฟัน 1 ครั้ง และถูกไล่ออกจากการ แข่งขันสำหรับครั้งที่สาม
12. อาวุธต้องถือด้วยมือข้างใดข้างหนึ่ง การเปลี่ยนมือถืออาวุธจะต้องขออนุญาตจากกรรมการก่อน
13. ผู้เข้าแข่งขันจะขว้างอาวุธไม่ได้ และมือจะต้องจับด้ามดาบเสมอ
14. ห้ามไม่ให้ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือดาบ เพื่อเป็นการป้องกันหรือโจมตี
15. การฟันที่ไม่ใช้มือข้างที่ถืออาวุธถือเป็นโมฆะ
16. การจงใจหรือเจตนาทำผิดกติกาอาจถูกคะแนนได้
สนามแข่งขัน
- สนามแข่งขันเป็นรูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตร มีเส้นแสดงเขตสนามแข่งขันให้เห็นชัดเจน และมีเส้นเตือน ซึ่งอยู่ห่างจากเส้นแสดงเขตสนามแข่งขัน 1 เมตร เข้าหาศูนย์กลางโดยรอบ
- สนามแข่งขันต้องเป็นพื้นราบเรียบที่ไม่มีลักษณะอันอาจทำให้เกิดอันตรายแก่นักกีฬาในขณะแข่งขัน
- ขณะดำเนินการแข่งขันให้ถือว่าสนามแข่งขันและรอบสนามแข่งขันภายในรัศมี 6 เมตร จากจุศูนย์กลางสนามแข่งขัน หรือบริเวณรอบสนามแข่งขันซึ่งคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้กำหนด และประกาศไว้เป็นเขตหวงห้าม ผู้ที่มิใช่เป็นกรรมการตามข้อ 11 ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ หรือนักกีฬาที่กำลังแข่งขัน จะเข้าไปในเขตดังกล่าวมิได้ หากมีการฝ่าฝืนคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะตักเตือน
อาวุธที่ใช้ในการแข่งขัน
1.กระบี่
– ส่วนตอนบนของโกร่งกระบี่จะต้องกว้างไม่เกิน 10.5 เซนติเมตร
– ส่วนตอนล่างของโกร่งกระบี่จะต้องกว้างไม่เกิน 6 – 7 เซนติเมตร
– ความยาวของโกร่งกระบี่จะต้องไม่เกิน 30-32 เซนติเมตร
– ขนาดความกว้างของหวายจะต้องเป็นรูปวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1- 1.5 มิลลิเมตร
– ขนาดความยาวของกระบี่เท่ากับ 105 เซนติเมตรระยะจากด้ามสุดจรดปลายกระบี่
– ส่วนด้ามจะต้องพันด้วยผ้าหรือยาง
– ส่วนปลายกระบี่พันด้วยยางหรือเทปยาวไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร
2.ดาบสองมือ
– ขนาดความกว้างโกร่งกำบังมือยางจะต้องเป็นรูปวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เซนติเมตร
– ขนาดความยาวโกร่งกำบังมือยางจะต้องไม่เกิน 1 – 1.5 เซนติเมตร
– ขนาดของฟองน้ำที่ใช้หุ้มดาบแข่งขันหนา 1 เซนติเมตร
– ขนาดความกว้างของหวายหรือวัสดุอื่นฯ จะต้องเป็นรูปวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 มิลลิเมตร
– ผ้าหุ้มฟองน้ำหรือวัสดุอื่นฯจะต้องยาวกว่าตัวดาบ 2 เซนติเมตร แล้วจะต้องเป็นรูปวงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 5 เซนติเมตร
– ขนาดความยาวตลอดเท่ากับ 100 เซนติเมตรระยะจากด้ามสุดจรดปลายดาบ
– ขนาดความยาวของหวายหรือทำด้วยวัสดุอื่นฯ เท่ากับ 78 เซนติเมตร
– ขนาดความยาวของหวายหรือทำด้วยวัสดุอื่นฯ สอดในด้ามดาบ เท่ากับ 10 เซนติเมตร
– ขนาดความยาวของด้ามดาบ เท่ากับ 30 เซนติเมตร
– ขนาดความยาวห่วงหนังหรือผ้ายาวไม่เกิน 14 เซนติเมตร
เครื่องแต่งกายในการแข่งขัน
- สวมรองเท้าพื้นยาง ไม่เสริมตาปู ชนิดหุ้มส้นหรือหุ้มข้อเท้า
- สวมเสื้อยืดแขนยาวสีขาว และกางเกงกีฬาสีสุภาพเสื้อและกางเกงของนักกีฬาในทีมเดียวกัน ต้องมีสีเหมือนกัน และสีสุภาพไม่ฉูดฉาด และให้ติดสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายของสังกัด ( ถ้ามี ) ให้เห็นชัดเจน
- สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ศีรษะและบริเวณใบหน้า โดยอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องสามารถป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่ใบหน้า ตา และศีรษะส่วนหน้าเป็นอย่างน้อย
- มีเครื่องหมายแสดงว่าอยู่ฝ่ายแดงหรือฝ่ายน้ำเงิน ให้เห็นชัดเจน
- นักกีฬาชายต้องสวมกระจับขณะลงแข่งขัน
- นักกีฬาหญิงต้องใส่เครื่องป้องกันหน้าอกขณะลงแข่งขัน
- นักกีฬาอาจใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายอื่น อาทิ ผ้ารัดข้อ รัดแขน พันข้อมือ ถุงมือ ฯลฯ ก็ได้ นักกีฬาที่ไม่แต่งกายให้ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อ 10(1) , 10(2) , 10(3) , 10(4) , 10(5) , หรือ10(6) จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสนามแข่งขัน